ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธานในการพัฒนาประเทศชาติให้มีความมั่นคง และประชาชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี สอดคล้องกับการขับเคลื่อนความเท่าเทียมในการเข้าถึงระบบบริการสุขภาพ หนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ภายใต้โครงการ “ราษฎรสุขใจ พลานามัยสมบูรณ์ แพทย์พระราชทาน” โดยสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์และแพทย์อาสา นับแต่ปี 2565 โครงการฯ ได้ดำเนินการออกหน่วย รวมจำนวน 41 ครั้ง ครบทุกภูมิภาค ครอบคลุมพื้นที่ 24 จังหวัด มีส่วนช่วยเหลือให้ประชาชนเข้าถึงการผ่าตัดรักษาโรคตาและบริการทันตกรรม เป็นจำนวนรวม 19,497 ราย

วันที่ 22 มีนาคม 2568 สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ร่วมกับแพทย์อาสาโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มูลนิธิสยามกัมมาจล บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) มูลนิธิเอสซีจี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) สมาคมราชกรีฑาสโมสร และหน่วยงานภาคี จัดโครงการ “ราษฎรสุขใจ พลานามัยสมบูรณ์ แพทย์พระราชทาน” ครั้งที่ 5 ประจำปี 2568 เพื่อบรรลุเป้าหมายในการส่งเสริมให้ประชาชนที่อยู่ทั่วทุกภาคของประเทศแม้ในพื้นที่ห่างไกลได้เข้าถึงการรักษาอย่างเท่าเทียมและทันท่วงที โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งให้บริการผ่าตัดรักษาโรคตา จำนวน 228 ราย ณ โรงพยาบาลโพนทอง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายชัชวาล เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธีเปิด

การนี้ พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และผู้อำนวยการทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พันตำรวจเอก ธรรมนิธิ วนิชย์ถนอม รองผู้อำนวยการอาวุโสทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และรองประธานกรรมการโครงการฯ พร้อมคณะผู้บริหารสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ หน่วยงานราชการ และภาคีเครือข่าย มอบแว่นตาให้แก่ผู้ป่วยที่เข้าร่วมโครงการฯ รวมทั้งตรวจเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจคณะแพทย์ จิตอาสา และผู้ป่วย
โรงพยาบาลโพนทองเป็นโรงพยาบาลขนาด 150 เตียง มีวิสัยทัศน์มุ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์กลางบริการระดับทุติยภูมิที่มีคุณภาพซึ่งการออกหน่วยเคลื่อนที่ ณ โรงพยาบาลแห่งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 จากปี 2566 ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคต้อกระจกที่ตกค้างในพื้นที่ ได้รับการผ่าตัดรักษาอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

โอกาสสำคัญของชีวิต ที่เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นแสงสว่าง จากผู้ป่วยโรคต้อกระจก ที่มีทุกข์จากการมองเห็นพร่ามัว รอคอยความหวัง สู่การรักษาที่เข้าถึง ช่วยให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติอีกครั้ง
การถ่ายทอดความรู้สึกของผู้เข้ารับการผ่าตัดในครั้งนี้

นางราตรี อนันตภูมิ (อายุ 76 ปี)
"รู้สึกซาบซึ้งใจ ดีใจ และปลื้มใจที่ในหลวงห่วงใยเรา อยากให้คนแก่คนเฒ่ามองเห็นเป็นปกติ มีสุขภาพดี"
"ยายทราบข่าวการรักษาตาฟรีของในหลวงจาก อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในหมู่บ้าน มีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลโพนทองมาคัดกรองที่อนามัยตำบล ทำให้ได้เข้ารับการผ่าตัดในวันนี้ ยายเป็นคนที่นี่ มีอาชีพทำไร่ทำนา ตากแดดถูกลมมาตลอดเลยมีผลกับดวงตา พอแก่ตัวก็ยิ่งมองไม่ชัด สายตาเลือนรางลงทุกวัน และตัวยายเองมีโรคประจำตัวเป็นความดัน กลัวหน้ามืดเป็นลม ขากับเอวก็ไม่ดี จะเดินไปไหนก็ลำบากต้องใช้ไม้เท้าคอยพยุงตัวตลอดเวลา วันนี้ได้มีโอกาสมาผ่าตัดรักษา รู้สึกดีใจและปลื้มใจที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตเป็นปกติอีกครั้ง"
คุณยายราตรี เล่าต่อว่า "ตลอด 2 ปีที่สายตามองเห็นไม่ชัด ไม่อยากเป็นภาระลูกหลาน เรามีความหวังว่าอยากกลับมามองเห็นอีก แต่การรักษามีค่าใช้จ่ายที่สูง ถ้าให้รักษาเองจะยากกว่ามาก บางคนเขาไม่ทำเลยนะ เพราะไม่มีสตางค์ บ้านอยู่ไกลมาไม่ไหว ต้องปล่อยให้สายตาแย่ลง ผ่าตัดครั้งนี้ไม่เสียเงิน เพราะมีพระเจ้าอยู่หัวและคนที่บริจาคเขาช่วยเหลือ รู้สึกซาบซึ้งใจ ดีใจ และปลื้มใจที่ในหลวงห่วงใยเรา อยากให้คนแก่คนเฒ่ามองเห็นเป็นปกติ มีสุขภาพดี
ก่อนเข้าห้องผ่าตัดมีคนมาคุยด้วย เพิ่งรู้ตอนหลังว่าท่านเป็นผู้แทนในหลวง ท่านบอกว่าโครงการนี้เป็นของในหลวง และท่านถามถึงตัวยายว่า ตอนนี้ตาเป็นยังไง มองเห็นชัดเจนไหม การเดินสะดวกหรือเปล่า ขาเป็นยังไงบ้าง คงเห็นว่ายายนั่งรถเข็น ท่านคงเป็นห่วง อีกไม่นานจะกลับมามองเห็นชัดเจนแล้ว ในหลวงท่านทรงเมตตาส่งคนมาถาม มาดูแล ยายดีใจมากที่สุดที่มีคนมาให้กำลังใจแบบนี้ ส่วนหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ทุกคนดูแลยายดีมากเหมือนกัน ยายขอกราบขอบคุณพระเจ้าอยู่หัว พระราชินี ขอพระองค์ทรงพระเจริญ หมอ และเจ้าหน้าที่ ขอให้มีความสุข ความเจริญ รุ่งเรืองทุกคนเด้อ"

นายอาคม ภูมิภาค (อายุ 77 ปี)
“ถ้าสายตาพร่ามัว บั้นปลายชีวิตที่คิดไว้คงไม่เหมือนเดิม โครงการของในหลวงมีประโยชน์มาก ดีที่สุดกับประชาชน"
“ผมเป็นข้าราชการเกษียณอายุ เมื่อกลับมาอยู่บ้านเกิดซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของครอบครัว ทำไร่นาสวนบนที่ดินของพ่อแม่ พออายุมากขึ้นสายตาก็เริ่มมองไม่ชัด แต่ก่อนขับรถไปไหนมาไหนได้เอง ต่อมาต้องหยุดเพราะกลัวจะไม่ปลอดภัย ครั้งนี้ถ้าไม่มีโครงการในจังหวัดร้อยเอ็ด คงยังไม่ได้ผ่าตัดรักษา เพราะถ้าต้องเดินทางไปไกล คงไม่มีโอกาส เกรงใจลูกหลานไม่อยากให้พวกเขาลำบาก เพราะทุกคนมีครอบครัว มีหน้าที่ความรับผิดชอบที่ต้องทำ ไม่อยากเป็นภาระใคร ทั้งที่รู้ว่าดวงตาจำเป็นต่อการใช้ชีวิต พอรู้ว่าพระเจ้าอยู่หัวจะมาช่วยรักษาตาให้กับคนขาดโอกาสโดยไม่เสียสตางค์จึงรอเข้าร่วมโครงการ
ก่อนเข้ารับการผ่าตัดมีผู้แทนของพระเจ้าอยู่หัวเข้ามาพูดคุยซักถาม ท่านบอกว่า ต่อไปสายตาจะมีแสงสว่างดีขึ้น เห็นโลกภายนอกได้ชัดเจน รู้สึกภูมิใจ ดีใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ไม่มีที่ไหนหรือใครเหมือนพระมหากษัตริย์ ท่านมีพระเมตตาต่อราษฎร ต่อประชาชนแม้จะห่างไกลต่างได้รับการดูแล หลังจากที่รักษาตาให้หายเป็นปกติแล้ว หวังว่าจะได้มองเห็นชัดเจนขึ้น และจะกลับไปดูไร่นาสวนใช้ชีวิตตามปกติได้เหมือนเดิม กราบขอบคุณโครงการของในหลวง ขอบคุณโรงพยาบาล หมอ และเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ทำให้ได้เห็นแสงสว่างชัดเจนครับ"
นายธนาพล ตรีสกุล (อายุ 43 ปี)
"โครงการของในหลวงที่ท่านช่วยจัดหาหมอที่มีศักยภาพ มีความสามารถมาช่วยประชาชนและราษฎรในพื้นที่ห่างไกลเช่นนี้"
"ปัจจุบันผมเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม ประสบปัญหาตาสองข้างพร่ามัวมากมองเห็นไม่ชัดเจน โดยเฉพาะตาข้างซ้ายเป็นเยอะ จนมีผลกับอาชีพการงานที่ต้องสอนหนังสือ เพราะมองสไลด์หรือกระดานแทบไม่เห็น และเวลาไปอบรมไม่สามารถมองเห็นการนำเสนอได้ตามปกติ ใช้ชีวิตประจำวันลำบากมาก ส่วนตัวผมมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวานขึ้นตาระดับสอง และโดยอาชีพใช้ชีวิตอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นหลัก พอใช้งานเยอะๆ และรับแสงจากจอตลอดเวลา จึงทำให้มีอาการเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่เคยขับรถได้ก็ต้องอาศัยคนอื่นช่วยทำหน้าที่ไปส่งที่ทำงาน ล่าสุดประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จึงตระหนักได้ว่า ถึงเวลาที่จะต้องรักษา แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงแต่หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว เพราะเป็นเหตุจำเป็น พอได้รับทราบจากลูกศิษย์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระเมตตาจัดตั้งโครงการผ่าตัดตาให้ผู้ป่วยที่ไม่มีโอกาสรักษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จึงลองมาคัดกรองและได้เข้าร่วมโครงการฯ ที่จังหวัดร้อยเอ็ด รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างมากครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการเปิดโอกาสให้เกิดโครงการดีๆ โดยเฉพาะเป็นโครงการของในหลวงที่ท่านช่วยจัดหาหมอที่มีศักยภาพ มีความสามารถมาช่วยประชาชนและราษฎรในพื้นที่ห่างไกลเช่นนี้ ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ทั้งนี้ ขอขอบคุณทุกภาคส่วนมากๆ ด้วยครับที่มีส่วนช่วยกันในโครงการนี้"
นางอนงค์ มีหนองใหญ่ (อายุ 56 ปี)
"ป้าไม่มีทุนทรัพย์และเงินมากพอเลยทำให้ไม่สามารถรักษาตัวได้ ทั้งที่อายุเราเท่านี้เองต้องมาตาบอด แล้วครอบครัวจะเป็นยังไง ถ้าไม่มีโครงการนี้คงไม่ได้รักษา ขอบคุณโครงการนี้ที่ให้โอกาสประชาชนคนจนที่ไม่มีสตางค์ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ”
ตาของป้ามองเห็นไม่ชัดทั้งสองข้างมานานแล้ว ตอนหลังเริ่มไม่ชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นปัญหากับชีวิตส่วนตัว ครอบครัว และอาชีพ พอได้ทราบข่าวจากเสียงตามสายของผู้ใหญ่บ้าน จึงได้เข้าร่วมโครงการฯ ผ่าตัดครั้งนี้เป็นการรักษาครั้งที่ 2 แล้ว หลังจากผ่าครั้งแรกด้านขวา ป้าเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และตั้งใจว่าจะเข้าร่วมโครงการเพื่อทำการผ่าตัดอีกหนึ่งข้าง เนื่องจากป้าทำอาชีพแม่บ้าน ต้องทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกอาคาร จำเป็นต้องขับรถเองเพื่อเดินทางไปทำงาน พอมองไม่ชัดจึงเป็นอุปสรรคอย่างมาก แรกๆ ครอบครัวไม่เข้าใจว่าเราเป็นอะไร ให้ไปใส่แว่นตาแต่ไม่ดีขึ้น จนมาตรวจพบว่าเป็นต้อกระจก กลุ้มใจมาก เพราะป้าไม่มีทุนทรัพย์และเงินมากพอ ทำให้ไม่สามารถรักษาตัวได้ ทั้งที่อายุเราเท่านี้เองต้องมาตาบอด แล้วครอบครัวจะเป็นยังไง ถ้าไม่มีโครงการนี้คงไม่ได้รักษาให้หายดีกลับมามองเห็นได้อย่างปกติ พอทราบว่ามีโครงการและผ่านการคัดกรอง ดีใจมาก จากที่เคยใช้ชีวิตลำบากก็แตกต่างจากเดิม ตอนนี้จะอ่านหนังสือ ดูทีวี หรือประกอบอาชีพแม่บ้านมีรายได้จุนเจือดูแลครอบครัว เปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นมากจริงๆ ครั้งนี้ที่ได้มีโอกาสมาทำการรักษาตาด้านซ้ายอีกหนึ่งข้าง คิดว่ากลับไปคงสามารถทำทุกอย่างได้เป็นปกติ ชีวิตน่าจะดีขึ้น ทั้งความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว และการทำงาน
ขอขอบคุณในหลวงที่ให้โอกาสในการรักษาและการมองเห็นโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย เพราะถ้าให้หาเองผ่าตัดเองคงมีโอกาสหายจากโรค และชีวิตคงจะไม่มีความสุข ครอบครัวคงไม่ได้กลับมาเป็นปกติอย่างนี้อีกครั้ง ป้าขอขอบคุณเจ้าหน้าที่และโรงพยาบาลรวมถึงคุณหมอที่ดูแลดีมากรักษาได้เป็นอย่างดี ขอบคุณโครงการนี้ที่ให้โอกาสประชาชนคนจนที่ไม่มีสตางค์ได้เข้ารับการรักษา ขอบคุณมากๆ ที่ให้โอกาสนะคะ"
นางหนูพัศ ทองนาม (อายุ 87 ปี)
"มีความสุขมากๆ รอคอยการกลับมามองเห็นลูกหลานอีกครั้ง ขอขอบคุณในหลวงที่ให้โอกาสยายได้กลับมามองเห็น ขอพระองค์ทรงพระเจริญ"
คุณยายหนูพัศเป็นชาวจังหวัดร้อยเอ็ด อาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลโพนทอง เดิมมีอาชีพทำไร่ทำนาจำเป็นต้องตากแดดตากลม ส่งผลให้เริ่มมีปัญหาทางด้านสายตา ประกอบกับอายุที่มากขึ้นทำให้จากที่เคยมองเห็นชัดเจนเริ่มพร่ามัว จนต้องใช้มือคลำทาง จับสิ่งของเพื่อช่วยในการเดิน เนื่องจากสายตาทั้งสองข้างไม่สามารถใช้งานได้อย่างปกติ เป็นระยะเวลานานกว่า 2 ปี การได้เข้ารับการรักษาผ่าตัดในครั้งนี้ คุณยายได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลโพนทอง ในช่วงที่มาพบแพทย์ตรวจตาจากอาการที่เป็นอยู่ เมื่อปี 2567
"จากเดิมที่อายุมาก ทำให้เดินลำบากไม่คล่องตัวอยู่แล้ว พอสายตามีปัญหาก็ยิ่งทำให้ใช้ชีวิตยากมากขึ้น ทุกวันนี้อาศัยลูกหลานช่วยเหลือและต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น ยายเป็นกังวลมาก พอรู้ข่าวรักษาตาฟรี และเจ้าหน้าที่แจ้งว่าได้รับการผ่าตัดจึงเตรียมตัวมาอย่างดี ทั้งดูแลสุขภาพอาหารการกิน และเตรียมตัวเรื่องการเดินทางเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา การได้รับโอกาสเข้ารับการรักษาในครั้งนี้ ยายรู้สึกตื้นตันใจ และมีความสุขมาก เพราะรอคอยให้ดวงตากลับมามองเห็นชัดอีกครั้ง" คุณยายเล่าพร้อมหัวเราะมีความสุขตลอดที่พูดคุย ระหว่างช่วงที่เตรียมการเข้ารับการผ่าตัด
"ยายดีใจมากที่จะได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง ดูแลสุขภาพ กินของมีประโยชน์และเตรียมตัวมาหาหมอตามเวลานัด ไม่อยากให้มีอุปสรรคอะไรเลย พอใกล้เวลาผ่าตัดยิ่งรู้สึกตื่นเต้น มีความสุขมากๆ รอคอยการกลับมามองเห็นลูกหลานอีกครั้ง ขอขอบคุณในหลวงที่ให้โอกาสยายได้กลับมามองเห็น ขอพระองค์ทรงพระเจริญ" คุณยายจบการพูดคุยพร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี